วันพฤหัสบดีที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

การาปลูกผักบุ้งจีนใบไผ่ ปลูกแบบปลอดสารพิษได้ง่ายๆ รายได้ดี

การาปลูกผักบุ้งจีนใบไผ่ ปลูกแบบปลอดสารพิษได้ง่ายๆ รายได้ดี
ผักบุ้งจีน กลายเป็ผพืชผักที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคชาวไทยมาช้านาน เนื่องจากมีลำต้น อวบ ตรงใหญ่ มีสีสันน่าทาน ทั้งยังเป็นพืชที่เพาะปลูกง่าย ขายได้ตลอดทั้งปี ซึ่งสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคและผู้ปลูกมาที่สุดก็คือ ผักบุ้งจีนใบไผ่ ที่มีลักษณะใบเรียวเล็กเหมือนใบไผ่ ไม่มีแขนง ข้อปล้องยาว ลำต้นตรง นอกจากผักบุ้งพันธุ์นี้จะมีลักษณะน่ารับประทานแล้ว ยังเป็นพันธุ์ที่ปลูกขายได้ราคาดีอีกด้วย ซึ่งเกษตรกรผู้ปลูกยืนยันว่าสามารถขายได้ 15-20 บาท / กก. เลยทีเดียว
ผักบุ้งจีนใบไผ่นั้นสามารถปลูกได้ทั้งบนบกและในน้ำและสามารถปลูกได้ในดินแทบทุกชนิด ดินที่เหมาะสมในการปลูกผักบุ้งเพื่อการบริโภคสด จะเป็นดินร่วน หรือดินร่วนปนทราย ผักบุ้งชอบชื้นแฉะ ต้องการความชื้นในดินสูงมากอุณหภูมิที่เหมาะสมในการเจริญเติบโตอยู่ในช่วงที่สูงกว่า 25 องศาเซลเชียส ต้องการแสงแดดเต็มที ซึ่งประเทศไทยสามารถปลูกได้ดีตลอดไป โดยมีวิธีปลูกง่ายๆ คือเตรียมแปลงโดยการไถดะและ ไถแปรให้เรียบร้อย และทำการตากแดดทิ้งไว้ เพื่อกำจัดโรคแมลงพร้อมใส่ปุ๋ยคอก ปลูกแบบได้ทั้งแบบหว่านเมล็ด และแบบแยกหน่อ



การเตรียมแปลง : 

1. ไถและเตรียมดินที่จะปลูกให้สมบูรณ์ วัดความเป็นกรด-ด่างในดินให้มีค่า PH อยู่ที่5 -7 ถ้าไม่ได้ให้ใส่ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมักใส่ผสมลงไปอัตรา 1 - 2 ตันต่อไร่ จากนั้นตากดินไว้ 7 วัน 

2. ปรับไถดินด้วยรถไถคราดเศษวัชพืชออกให้ดินร่วนซุย ยกร่องเป็นแปลงปลูก ขนาด 50 ตารางวา (กว้าง 4 x 48 เมตร) ใช้เมล็ดพันธุ์ 4 - 5 กิโลกรัม

การเตรียมเมล็ด : 

1. นำเมล็ดแช่น้ำทิ้งไว้ 1 คืน (ถ้าต้องการให้งอกเร็วให้ต้มน้ำให้เดือดนำไปผสมกับน้ำให้อุณหภูมิอยู่ที่ 40 องศาเซลเซียส นำเมล็ดแช่น้ำทิ้งไว้ 1 คืน) 

2. บ่มเมล็ดโดยห่อเมล็ดด้วยผ้าขาวบาง ทิ้งไว้ให้เปลือกของเมล็ดหลุดออก จากนั้นจึงนำไปหว่านในแปลงที่เตรียมไว้ เสร็จแล้วนำฟางหรือใบอ้อยหรือแกลบผสมปุ๋ยคอกมาคลุมปิดด้านบนเพื่อช่วยเก็บความชื้น




การดูแลรักษา : 

1. รดน้ำให้ชุ่ม (เช้า-เย็น) โดยรดทุกวัน ประมาณ 3 วัน ผักบุ้งจะเริ่มงอก ขึ้นมาเป็นต้นให้เห็น หลังหว่านได้ 5-7 วัน 

2. โรค-แมลงศัตรูผักบุ้งที่พบว่ามีการระบาดในแปลงปลูกและสร้างความเสียหายให้แก่ผักบุ้ง ได้แก่ อาการใบหงิกงอ สาเหตุจากเพลี้ยเข้าทำลาย หากพบ ให้กำจัดด้วยน้ำหมักใบยาสูบ โดยจะหาซื้อใบยาสูบหยาบจากโรงงาน ราคาประมาณ กิโลกรัมละ 8-10 บาท อัตรา 10 กก. ใส่ในถังน้ำมัน 200 ลิตร เติมน้ำพอท่วม ปิดฝาถังหมักทิ้งไว้ 1 คืน นำไปฉีดพ่นให้ทั่วทุก 5-7 วัน จะช่วยกำจัดเพลี้ย สาเหตุของอาการใบหงิกได้ 

นอกจากนี้ยังพบว่ามี โรคราสนิมขาว เข้าทำลายผักบุ้ง ซึ่งพืชจะมีอาการเป้นจุดสีเหลืองซีดด้านบนใบ ด้านใต้-ใบตรงกันข้ามจะเป็นตุ่มนูนเล็ก ๆ ขนาด 1-2 มิลลิเมตร อาจพบลักษณะปุ่มปม หรือบวมพองโตขึ้นในส่วนของก้านใบและลำต้น บางครั้งจะเป็นจุดหลืองเล็ก ๆ และขยายใหญ่จนขาวทั้งใบ ซึ่งเชื้อโรคชนิดนี้จะพบมากในสภาพอากาศร้อนชื้น

วิธีการจัดการคือ หมั่นรดน้ำให้มากขึ้นและใช้น้ำปูนใสผสมฉีดพ่นให้ทั่วแปลงปลูก โดยจะผสมน้ำปูนใสได้จาก ปูน (ที่ใช้สำหรับเคี้ยวหมาก) 1 ช้อนแกง + น้ำสะอาด 20 ลิตร **นำปูนมาละลายในน้ำพอประมาณ และทิ้งไว้จนตกตะกอน กลายเป็นน้ำปูนใส กรองเอาเฉพาะน้ำปูนใสนำไปฉีดพ่นให้ทั่วทุก 5-7 วัน จะช่วยป้องกันและกำจัดเชื้อราสาเหตุของโรคพืชได้ และต้องดูแลระบบการให้น้ำในแปลงปลูก อย่าให้ชื้นแฉะจนเกินไป 


2. อายุ 7-14 วัน ช่วงนี้ควรทำให้แปลงปลูกผักบุ้งปลอดวัชพืช โดยใช้วิธีกำจัดด้วยการถอนออก แล้วใส่ปุ๋ยยูเรียน 46-0-0 โดยหว่านบางๆ ลงไปในแปลงปลูกแล้วรดน้ำตามทันที ควรทำช่วงเช้ามืด 



การเก็บเกี่ยว : สามารถเก็บเกี่ยวจำหน่ายได้ตั้งแต่อายุ 18-25 วัน หรือ ผักบุ้งมีขนาดลำต้น 3 หุน ยาว 30 ซม.ในฤดูร้อน และ เก็ยบเกี่ยวที่อายุ 24-25 วัน ในช่วงฤดูหนาว ซึ่งเป็นฤดูกาลที่พืชผักเติบโตช้า โดยใช้วิะธีการถอนผักบุ้งให้ได้กำละ 1 กก. นำมาล้างให้สะอาด และคัดแยกใบเสียทิ้ง บรรจุลงในถุง 5 กก. แล้วนำส่งตลาด ซึ่งจะมีพ่อค้าในพื้นที่มารับไปจำหน่ายต่อไป

------------------------ ^ ^ -----------------------
แหล่งอ้างอิง : 
นายสมคิด พิศพงษ์ 24 หมู่ที่ 4 ต.บุ่งมะแลง อ.สว่างวีระวงศ์ จ.อุบลราชธานี 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น