วันจันทร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2558

ผักหวาน สรรพคุณและประโยชน์ของผักหวานบ้าน

ผักหวาน สรรพคุณและประโยชน์ของผักหวานบ้าน

ผักหวานบ้าน

ผักหวานบ้าน ชื่อสามัญ Star gooseberryผักหวานบ้าน ชื่อวิทยาศาสตร์ Sauropus androgynus (Linn.) Merr. (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Sauropus albicans Bl.) จัดอยู่ในวงศ์ EUPHORBIACEAE[1],[2] ผักหวานบ้าน ยังมีชื่อท้องถิ่นอื่นๆ อีกว่า ผักหวาน (ทั่วไป), มะยมป่า (ประจวบคีรีขันธ์), ผักหวานใต้ใบ(สตูล), ก้านตง จ๊าผักหวาน ใต้ใบใหญ่ ผักหลน (ภาคเหนือ), นานาเซียม (มลายู-สตูล), ตาเชเค๊าะ โถหลุ่ยกะนีเต๊าะ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) เป็นต้น

ลักษณะของผักหวานบ้าน

  • ต้นผักหวานบ้าน จัดเป็นไม้พุ่มขนาดกลาง มีความสูงของต้นประมาณ 0.5-3เมตร ลำต้นแข็งแตกกิ่งก้านระนาบไปกับพื้นหรือเกือบปรกดิน ลำต้นอ่อน กลม หรือเป็นเหลี่ยม เปลือกต้นขรุขระเป็นสีน้ำตาล ส่วนกิ่งอ่อนเป็นสีเขียวเข้มผิวเรียบ กิ่งเรียวงอเล็กน้อยตามข้อ ขยายพันธุ์โดยใช้เมล็ด และการปักชำกิ่ง เจริญเติบโตได้ดีในที่ลุ่มต่ำที่มีความชื้นพอเหมาะ ดินร่วนชุ่มชื้นและระบายน้ำได้ดี สามารถพบได้ตามป่าดิบแลง ป่าละเมาะ ป่าดิบชื้น ที่โล่งแจ้ง ตามเรือกสวน หรือตามที่รกร้างทั่วไป
ต้นผักหวานบ้าน
  • ใบผักหวานบ้าน ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ ลักษณะของใบเป็นรูปไข่ รูปไข่แกมขอบขนาน รูปขอบขนาน หรือรูปคล้ายขนมเปียกปูน ปลายใบแหลม โคนใบมน ส่วนขอบใบเรียบ ใบมีขนาดกว้างประมาณ 1.5-3 เซนติเมตร และยาวประมาณ 2-7 เซนติเมตร ลักษณะของแผ่นใบเรียบเกลี้ยงทั้งสองด้าน หลังใบเป็นสีเขียวเข้ม ส่วนท้องใบเป็นสีเขียวอ่อน เส้นแขนงใบมีข้างละประมาณ 5-7 เส้น โค้งเล็กน้อย เมื่อทำให้แห้งใบจะเป็นสีเขียวอมเหลือง ก้านใบมีขนาดสั้น ยาวประมาณ 2-4 มิลลิเมตร มีหูใบเป็นรูปสามเหลี่ยม ปลายแหลม ยาวประมาณ 1.7-3 มิลลิเมตร[1],[2],[3],[6]
ใบผักหวานบ้านผักหวาน
  • ดอกผักหวานบ้าน ออกดอกเป็นช่อ โดยจะออกเป็นกระจุกตามซอกใบ เรียงไปตามก้านใบ ดอกเป็นดอกเดี่ยวแบบแยกเพศแต่อยู่บนต้นเดียว มีใบปรกอยู่ด้านบน ดอกมีขนาดเล็ก มี 2 ชนิด โดยตอนบนของกิ่งก้านจะเป็นดอกเพศเมีย ส่วนตอนล่างเป็นดอกเพศผู้ ดอกเพศเมียจะมีประมาณ 1-3 ดอกและดอกเพศผู้จะมีจำนวนมาก และดอกเพศผู้จะมีกลีบเลี้ยง 6 กลีบ กลีบดอก 6 กลีบ ลักษณะเป็นรูปจานกลมแบน สีน้ำตาลแดง มีขนาดประมาณ 0.5-1 เซนติเมตร มีเกสรเพศผู้ 3 อัน ก้านเกสรเชื่อมติดกัน ปลายแยกเป็นแฉก 3 แฉก ส่วนดอกเพศเมียรังไข่จะอยู่เหนือวงกลีบ ดอกเป็นสีเขียวอมเหลือง โดยมีกลีบเลี้ยง 6 กลีบ ลักษณะเป็นรูปไข่กลับ ซ้อน เรียงเหลื่อมกันเป็นชั้น 2 ชั้น ชั้นละ 3 กลีบ และกลีบเลี้ยงจะเป็นสีแดงเข้มหรือสีเหลืองจุดประสีแดงเข้ม[3] โดยจะออกดอกในช่วงเดือนกันยายนถึงเดือนพฤศจิกายน
ดอกผักหวานบ้านดอกผักหวานบ้าน
  • ผลผักหวานบ้าน ลักษณะของผลเป็นรูปทรงกลมแป้น มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1.5-1.8 เซนติเมตร และยาวประมาณ 1-1.3 เซนติเมตร ผลฉ่ำน้ำ ผิวผลเป็นพูเล็กน้อย ผลเป็นสีเขียวถึงสีขาว เมื่อแก่เต็มที่จะเป็นสีขาวอมเหลือง เมื่อแห้งแล้วจะแตกได้ ผลมีกลีบเลี้ยงสีแดงติดคงทน ห้อยลงใต้ใบ ภายในผลแบ่งเป็นพู 6 พู ในแต่ละพูจะมีเมล็ด 1 เมล็ด ลักษณะของเมล็ดเป็นรูปครึ่งวงกลม เปลือกเมล็ดเป็นสีดำหรือสีน้ำตาลเข้ม มีความหนาและแข็ง เมล็ดมีขนาดกว้างประมาณ 5 มิลลิเมตร และยาวประมาณ 8 มิลลิเมตร
ผลผักหวานบ้านผลผักหวานบ้าน

สรรพคุณของผักหวานบ้าน

  1. ตำรายาพื้นบ้านล้านนา จะใช้รากผักหวานเข้าตำรับยารักษาอาการที่เกิดจากธาตุไฟ ได้แก่ โรคขางทุกชนิด (อาการแสดงของธาตุไฟกระทำโทษ) เช่น ขางทำให้มีอาการเสียดด้านข้าง เสียดท้อง ไอ ร้อน ง่วงนอน ขางไฟ ขางแกมสาน ขางรำมะนาดเจ็บในคอ ขางปิเสียบ เป็นอาการจุกเสียดและร้อน ใจสั่น เป็นต้น หรือใช้รักษามะเร็งก้อนเนื้อหรือเนื้องอกที่ผิดปกติ ฝีสาร ซึ่งจะใช้เป็นยาชะล้างฝีที่มีอาการร้อน และยังใช้เข้าตำรับยารักษามะเร็งไฟ มะเร็งครุต สันนิบาตฝีเครือ (ราก)[12]
  2. น้ำยางตากต้นและใบนำมาใช้หยอดตา แก้ตาอักเสบ (น้ำยางจากต้นและใบ)[1]
  3. ต้นและใบนำมาตำผสมกับรากอบเชยใช้เป็นยาพอก รักษาแผลในจมูก (ต้นและใบ)[1]
  4. รากใช้ฝนทารักษาคางทูม (ราก)[2],[10]
  5. ตำรับยาหมอพื้นบ้านที่สันป่าตอง จะใช้รากเข้าตำรับยาฝนแก้อาการเจ็บในปาก ปากเหม็น (ราก)[12]
  6. ช่วยแก้คอพอก (ราก)[8]
  7. ใช้เป็นยาทาป้ายแผลในปาก แก้ฝ้าขาวในเด็กทารก ด้วยการใช้น้ำคั้นจากใบผักหวานบ้านสด นำมาต้มใส่น้ำผึ้ง แล้วนำมาทาลิ้นและเหงือกของทารกที่เป็นฝ้าขาว (ใบ)[12]
  8. ตำรับยารักษาโรคเลือดลม ระบุให้ใช้รากผักหวานบ้าน รากชะอม รากชุมเห็ดเทศ รากมะกอกเผือก รากมะกอกฟานซ้อม รากมะลืมดำ รากมะลืมแดง รากหญ้าขัด กระดูกหมาดำ แก่นจันทนา แก่นจันทน์แดง งาช้าง นำมาฝนกับน้ำข้าวเจ้า ใช้กินรักษาโรคเลือดลม และถ้าเป็นมากจนตัวแดงให้นำมาทาด้วย (ราก)[2]
  9. รากใช้ต้มกับน้ำกินเป็นยารักษาโรคอีสา (ราก)[2]
  10. รากมีรสเย็น น้ำต้มกับรากใช้กินเป็นยาลดไข้ แก้ไข้ ถอนพิษไข้ แก้ตัวร้อน แก้ไข้กลับไข้ซ้ำ (ราก)[1],[2],[3] ส่วนใบใช้ปรุงเป็นยาเขียว แก้ไข้ (ใบ)[2]
  11. หมอยาพื้นบ้านทางภาคเหนือ จะใช้รากผักหวานบ้าน รากมะแว้ง รากรากผักดีด แก่นในของฝักข้าวโพด อย่างละเท่ากัน นำมาฝนกับน้ำให้เด็กหรือผู้ใหญ่กินเป็นยาแก้ไข้ แก้ขัด ไข้อีสุกอีใส (ราก)[10]
  12. ช่วยแก้อาการไอ (ราก)[4]
  13. ผักหวานบ้านเป็นผักที่มีรสหวานเย็น จึงช่วยบรรเทาความร้อนในร่างกายได้ (ใบ)[5]
  14. รากใช้ต้มกับน้ำดื่มและอาบ ช่วยแก้ซาง พิษซาง (ราก)[2],[3] นอกจากนี้รากยังมีสรรพคุณช่วยระงับพิษ แก้พิษร้อนกระสับกระส่าย แก้น้ำดีพิการ แก้เชื่อมมัว (ส่วนนี้ผู้เขียนเองก็ไม่แน่ใจว่าจะใช่สรรพคุณของรากผักหวานบ้านหรือไม่ เพราะจากหลายๆ ข้อมูลกับระบุว่าสรรพคุณส่วนนี้คือสรรพคุณของผักหวานป่า)[7]
  15. ช่วยแก้ผิดสำแดง กินของแสลงที่เป็นพิษ (ราก)[1],[4]
  16. รากใช้เป็นยาแก้ปัสสาวะขัด แก้ขัดเบา ช่วยขับปัสสาวะ (ราก)[1],[4],[7] ส่วนใบมีสรรพคุณแก้อาการปัสสาวะออกน้อย (ใบ)[12]
  17. หมอยาแผนโบราณ จะใบสดใช้รักษากรณีหญิงคลอดบุตรและรกไม่เคลื่อน ด้วยการใช้ใบในขนาด 30-40 กรัมต่อวัน นำมาต้มสกัดด้วยน้ำ โดยการกินจะกำหนดโดยหมอที่รักษา (ใบ)[12]
  18. ใบใช้เป็นยาประสะน้ำนม ช่วยทำให้มดลูกเข้าอู่เร็วขึ้น (ใบ)[4]
  19. ตำรับยาแก้ผิดเดือน ระบุให้ใช้รากผักหวานบ้าน รากต้อยตั่ง ต้นมะแว้งต้น รากชะอม และรากนางแย้ม นำมาฝนน้ำผสมกับข้าวเจ้า ใช้ดื่มกินแต่น้ำ (ราก)[2]
  20. ตำรับยาของหมอพื้นบ้านที่เชียงดาว จะใช้รากผักวานบ้าน เข้ายาแก้กินผิดและแก้ลมผิดเดือน โดยใช้เป็นยาฝน ซึ่งประกอบไปด้วย รากผักหวานบ้าน รากมะนาว รากผักดีด รากยอ รากจำปี และรากทองพันชั่ง (ราก)[12]
  21. ดอกใช้เป็นยาขับโลหิต (ดอก)[8]
  22. ต้นและใบใช้ตำผสมกับสารหนู ใช้เป็นยาทาแก้โรคผิวหนังติดเชื้อ (ต้นและใบ)[1]
  23. รากและใบ นำมาตำให้ละเอียดใช้เป็นยาพอกรักษาฝี แก้แผลฝี (รากและใบ)[3]
  24. ใบใช้ปรุงเป็นยาเขียวกระทุ้งพิษ (ใบ)[4]
  25. ใบมีสรรพคุณในการแก้บวม แก้หัด ส่วนรากมีสรรพคุณลดอาการบวม (ใบ,ราก)[12]
  26. ชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยง มูเซอจะใช้ใบ ทั้งต้น นำมาต้มกับน้ำอาบและเคี้ยวกินแก้อาการปวดเมื่อยตามร่างกาย (ใบ,ทั้งต้น)[2]
  27. ใช้เป็นยาบำรุงสุขภาพสำหรับสตรีหลังคลอด (ใบ,ทั้งต้น)[2]
  28. ผักหวานเป็นสมุนไพรที่ช่วยเพิ่มการหลังน้ำนมของแม่ที่ไม่มีน้ำนมให้บุตร (ใบ)[12]
  29. ตำรับยารักษามะเร็ง ที่มีอาการเจ็บ ร้อน ไหม้ร่วมด้วย ระบุให้ใช้รากผักหวานบ้าน รากปอบ้าน ต้นคันทรง และหัวถั่วพู นำมาฝนกับน้ำซาวข้าวให้พอข้น ใช้ทารักษามะเร็ง (ราก)[2]
  30. รากผักหวานบ้านใช้ผสมกับรากสามสิบ รากถั่วพู รากรางเย็น รากมังคะอุ้ย ดอกหงอนไก่ไทย ไม้มะแฟน หอบกาบและงาช้าง นำมาฝนกับน้ำผสมกับข้าวสุกกินเป็นยารักษาโรคมะเร็งคุด (อาการปวดตัวลงข้อ เจ็บศีรษะ เจ็บเอวปวดข้อ) ส่วนอีกตำรับให้ใช้รากหรือต้นผักหวานบ้าน นำมาผสมกับแก่นคูน แก่นขี้เหล็ก แก่นขนุนเทศ งาช้าง ต้นแก้งขี้พระร่วง ต้นขมิ้นเครือ ต้นคนทา ต้นเหมือดคน รากชิงชี่ เมล็ดมะค่าโมง เมล็ดสะบ้าลิง และกาบล้าน นำมาฝนใส่ข้าวเจ้ากินเป็นยาแก้มะเร็งคุด (ต้น,ราก)[2]
  31. นอกจากนี้รากผักหวานยังใช้เข้าตำรับยามุตขึด (โรคสตรี) และอาการบวมพอง และยังใช้ในกรีคนไม่อยากอาหาร ใช้เข้ายาแก้พิษ ฝีไข้ เจ็บออกหู ใช้เป็นยาหยอด และเข้ายาแก้ไข้ฝีเครือดำขาวเหลือง (ราก)[12]
หมายเหตุ : การนำผักหวานมาใช้เป็นยาสมุนไพร ถ้าเป็นใบให้ใช้ใบสด ส่วนรากให้เก็บเมื่อมีอายุ 2 ปีขึ้นไป แล้วนำมาทำให้แห้งก่อนนำไปใช้[12]

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น